Sabina Kids ( <% pagination.totalItems %> สินค้า )
- Best Match
เรียงโดย
-
<%item.brand_name%>(<%item.total_rev%> รีวิว)
<%item.name%>
<%item.sku%><%item.short_desc%><%item.special_price%> <%item.initial_price%> <%item.discPer%>%<%item.price%><%item.special_price%><%item.initial_price%><%item.discPer%>%<%item.price%><%item.prange.sp_to_price%><%item.prange.sp_from_price%>-<%item.prange.sp_to_price%><%item.prange.to_price%><%item.prange.from_price%>-<%item.prange.to_price%><%item.prange.to_price%><%item.prange.from_price%>-<%item.prange.to_price%><%item.prange.sp_to_price%><%item.prange.sp_from_price%>-<%item.prange.sp_to_price%><%item.price%><%item.special_price%><%item.initial_price%><%item.prange.from_price%>-<%item.prange.to_price%><%item.detail%> -
<%item.brand_name%>(<%item.total_rev%> รีวิว)
<%item.name%>
<%item.sku%><%item.short_desc%><%item.special_price%> <%item.initial_price%> <%item.discPer%>%<%item.price%>product.price_from <% item.prange.from_price %> product.price_to <% item.prange.to_price %><%item.detail%>
-
<%item.name%>
<%item.sku%><%item.short_desc%><%item.detail%><%item.initial_price%> <%item.special_price%><%item.price%>product.price_from <% item.prange.from_price %> product.price_to <% item.prange.to_price %>Stock : <%item.stock_text%> -
<%item.name%>
<%item.sku%><%item.short_desc%><%item.detail%><%item.initial_price%> <%item.special_price%><%item.price%>product.price_from <% item.prange.from_price %> product.price_to <% item.prange.to_price %>Stock : <%item.stock_text%>
เฟิร์สบรา (first bra) ชวนคุณแม่เลือกบราตัวแรกให้ลูกน้อยที่ Sabina
เฟิร์สบรา (First Bra) หรือ สตาร์ทเตอร์บรา (Starter bra) ชุดชั้นในเด็กผู้หญิง สำหรับเด็ก ๆ หลายคนอาจเป็นเรื่องตื่นเต้นที่จะได้ใส่บราตัวแรก แต่สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกไม่คุ้นชิน หรือเกิดความรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องสวมใส่ ซึ่งในความเป็นจริงเด็กผู้หญิงเมื่อถึงวัยแห่งการเจริญเติบโต ร่างกายก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้านสรีระหน้าอก โดยเฉลี่ยมักจะอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 6-9 ปี จะเริ่มมีเนื้อบริเวณหน้าอกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ลักษณะคล้ายกับลูกองุ่น ในช่วงนี้การเริ่มต้นมองหาบราตัวแรกสำหรับลูกสาวตัวน้อยถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยรองรับการเจริญเติบโต และช่วยเพิ่มความมั่นใจอีกด้วย
สารบัญ
- การเลือกเฟิร์สบรา (first bra) สำหรับผู้หญิง
- ลักษณะและสไตล์ของเฟิร์สบรา (first bra) สำหรับผู้หญิง
- ข้อดีของการใส่บรา ?
- วัสดุที่ควรเลือกใช้สำหรับ เฟิร์สบรา (first bra)
- การเลือกขนาดและการใช้งาน เฟิร์สบรา (first bra)
- ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสวมใส่ เฟิร์สบรา (first bra)
- การเตรียมตัวก่อนการสวมเฟิร์สบรา (first bra)
- การสวมบราในการทำกิจกรรมที่ต่าง ๆ
- บราตัวแรก เฟิร์สบรา (first bra) ยอดนิยม จาก Sabina
- สรุป
- อ้างอิงจาก
การเลือกเฟิร์สบรา (first bra) สำหรับผู้หญิง
เราจะมาแนะนำการเลือกเฟิร์สบรา (first bra) บราตัวแรกให้กับลูกน้อยของคุณ โดยมีหลักการเลือกดังนี้
- เนื้อผ้าคุณภาพดี สวมใส่สบาย : ควรเลือกเฟิร์สบรา (First bra) หรือชุดชั้นในเด็ก ที่ผลิตมาจากเนื้อผ้าเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้า COTTON เพราะเนื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ จะให้คุณสมบัติ ในเรื่องของผิวสัมผัสที่นุ่ม อ่อนโยนต่อผิว ช่วยให้ไม่ระคายเคือง รวมถึงช่วยในเรื่องของการระบายอากาศได้ดี หากลูกน้อยต้องทำกิจกรรมหรือมีเหงื่อออกระหว่างวัน เฟิร์สบรา หรือชุดชั้นในเด็กที่ทำมาจากวัสดุดังกล่าว ก็จะช่วยระบายอากาศได้ดี และแห้งเร็วกว่าชุดชั้นในเด็กทั่วไป ที่ทำจากเนื้อผ้าประเภทกลุ่ม ใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ และด้วยคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี ก็จะทำให้ไม่เกิดความรู้สึกอึดอัด เมื่อต้องสวมใส่ในระหว่างวัน
- ตะเข็บการเย็บควรมีความยืดหยุ่น : ตะเข็บเย็บตามจุดต่าง ๆ ของ เฟิร์สบรา หรือชุดชั้นในเด็ก ทั้งบริเวณข้างลำตัว หรือบริเวณบ่า ควรเป็นรอยเย็บที่เก็บด้ายอย่างเรียบร้อย ตามตะเข็บมีความยืดหยุ่นดี และไม่มีรอยขาดของเส้นด้าย ซึ่งจะช่วยเรื่องความคงทนในการสวมใส่ไปนาน ๆ รวมถึงความนุ่มของตะเข็บตามข้างลำตัว และบริเวณบ่า คุณแม่สามารถสังเกต โดยสัมผัสลูบที่ตะเข็บรอยเย็บต่าง ๆ แล้ว มีความนุ่มมือหรือไม่ เพราะหากตะเข็บหรือรอยเย็บนั้น มีความแข็งกระด้าง อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวลูกน้อยได้เมื่อสวมใส่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเสียดสี จนเป็น ผื่นคันได้
ลักษณะและสไตล์ของเฟิร์สบรา (first bra) สำหรับผู้หญิง
รูปแบบหรือรูปทรงของเฟิร์สบรา มีให้เลือกหลายรูปแบบ แต่สามารถแบ่งได้หลักเป็น 2 รูปแบบ
สไตล์ที่ 1 แบบสวมหัว
จะเหมาะกับเด็ก ที่เพิ่งเริ่มต้นใส่ เฟิร์สบรา ในช่วงแรก เพราะวิธีการสวมใส่จะเป็นวิธีเดียวกับการใส่เสื้อผ้าตัวนอกปกติทั่วไป เหมาะกับการเริ่มต้นใส่เฟิร์สบรา ให้เด็กรู้สึกสวมใส่ง่ายและสะดวก ซึ่งแบบสวมหัวนั้น ก็จะมีทั้งแบบยังไม่มีผ้าซับตรงบริเวณอก ส ำหรับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสรีระหน้าอกมากนัก และหากเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหน้าอกเริ่มมีมากขึ้น เฟิร์สบราแบบที่มีผ้าซับหรือมีฟองน้ำบาง ๆ ซับบริเวณทรงหน้าอก ก็จะช่วยให้เด็กมั่นใจในการสวมใส่ และมีความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
สไตล์ที่ 2 แบบตะขอหลัง
เหมาะกับเด็กผู้หญิงในวัยที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น (Pre Teen) อยู่ในช่วงอายุ 10-14 ปี รูปทรงแบบตะขอหลังนี้จะมีลักษณะคล้ายเสื้อชั้นในของผู้ใหญ่ คือจะมีตะขอด้านหลัง และสายแขนที่สามารถปรับระดับให้พอดีกับสรีระได้ ถือเป็นการเริ่มต้นหัดใส่เสื้อชั้นในแบบผู้ใหญ่
ข้อดีของการใส่บรา ?
การใส่บราอาจจะเป็นเรื่องที่กวนใจลูกน้อยของคุณแม่ในช่วงแรก ๆ เพราะเด็กจะยังไม่คุ้นชิ้นกับการต้องใส่บราในช่วงแรก ซึ่งในความจริงแล้วการสวมใส่เฟิร์สบรา (First Bra) มีข้อดีสำหรับหรับเด็ก ๆ หลายข้อประกอบไปด้วย
ข้อดีที่ 1 การใส่เฟิร์สบราในวัยที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยป้องกันการหย่อนคล้อยของหน้าอก และเป็นการกระชับหน้าอกไปในเวลาเดียวกัน
ข้อดีที่ 2 การใส่เฟิร์สบราจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ร่างกายเกิดการชินกับการใส่บรา ก่อนที่จะเข้าสู่วัยที่ต้องใส่ชุดชั้นในรูปแบบผู้ใหญ่ที่มีสายแขนและตะขอหลัง
ข้อดีที่ 3 การใส่เฟิร์สบราจะช่วยปกปิดเรือนร่างบริเวณหน้าอกและช่วยทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและคล่องตัวมากขึ้น ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
วัสดุที่ควรเลือกใช้ สำหรับ เฟิร์สบรา (First Bra)
สำหรับวัสดุที่ควรเลือกใช้สำหรับ เฟิร์สบรา (First bra) คุณแม่ควรเลือกใช้เนื้อผ้าปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย รับรองโดยมาตรฐาน OEKO-TEX Standard 100 และมีทั้งเนื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ คอตตอน ยูเอสเอ (Cotton USA) และเนื้อผ้าไมโครไฟเบอร์ (Microfiber) โดยผ้าคอตตอน ยูเอสเอ ถือเป็นเส้นใยธรรมชาติแบบละเอียด ที่มีคุณสมบัติ ผิวสัมผัสนุ่ม ไม่ระคายเคืองต่อผิวเด็ก ระบายอากาศได้ดี และไม่ขึ้นขุย เมื่อใช้ไปนาน ๆ
ส่วนผ้าไมโครไฟเบอร์ จะมีสัมผัสที่นุ่มลื่น ยืดหยุ่น มาพร้อมกับคุณสมบัติแห้งเร็ว ไม่ยับง่าย สวมใส่สบาย ซึ่งล้วนเป็นเนื้อผ้าที่ทางแบรนด์คัดสรร ให้เหมาะสมกับช่วงวัยโดยเฉพาะ รวมถึงยังคำนึงถึงการออกแบบแพทเทิร์น ที่เหมาะสมกับสรีระของเด็ก และการตัดเย็บ ที่คัดเลือกวัตถุดิบเส้นด้ายแบบอ่อนนุ่ม รวมถึงวิธีการเย็บตามจุดต่าง ๆ ที่จะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวของลูกน้อย
การเลือกขนาดและการใช้งาน เฟิร์สบรา (First Bra)
การเลือกเฟิร์สบราหรือชุดชั้นในเด็ก ควรตรวจสอบไซซ์ของลูกก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ได้ไซซ์ที่ถูกต้องและสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ เพียงใช้สายวัด วัดรอบอก แบบหน่วยเป็นเซนติเมตร เพื่อสามารถเลือกไซซ์ได้ตรงกับลูกน้อยที่สุด ควรเลือกไซซ์ เฟิร์สบรา หรือชุดชั้นในเด็ก แบบพอดี ไม่แน่น หรือฟิตลำตัวจนเกินไป เพื่อให้ลูกน้อยทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันได้อย่างคล่องตัว ไม่อึดอัด และไม่ควรเลือกไซซ์เผื่อโต หรือใส่แล้วหลวมโคร่งจนเกินไป เพราะอาจทำให้บ่าของชุดชั้นในหล่นระหว่างวัน และเกิดความไม่คล่องตัวแก่ลูกน้อยได้เช่นกัน
ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสวมใส่ เฟิร์สบรา (First Bra)
หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสวมใส่เฟิร์สบรา (First Bra) เมื่อถึงวัยที่เด็กผู้หญิงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงสรีระหน้าอก การฝึกใส่บราตั้งแต่แรกเริ่ม ให้คุ้นชิน ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในกับเด็กได้อย่างดี และยังช่วยเรื่องบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วย หากเด็ก ๆ ที่เริ่มมีหน้าอก แต่ยังไม่ได้เริ่มใส่เฟิร์สบรา อาจจะรู้สึกเขินอายเมื่อใส่เสื้อผ้า ซึ่งทำให้เด็กอาจเดินหลังค่อม งอหลังโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นหากคุณแม่สังเกตว่าลูกสาวตัวน้อยเริ่มมีหน้าอก แม้จะไม่เยอะ เพียงแค่มีเนื้อบริเวณเต้าขึ้นมา คุณแม่ก็สามารถให้ลูกน้อยฝึกใส่เฟิร์สบราได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย และไม่ปฏิเสธเมื่อต้องใส่บราในช่วงวัยที่หน้าอกเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
การเตรียมตัวก่อนการสวมเฟิร์สบรา (First Bra)
คุณแม่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสรีระของลูกน้อยก่อน เพื่อติดตามพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และเมื่อถึงวัยที่ต้องเริ่มมองหาเฟิร์สบรา (First Bra) ก็ควรเลือกบราที่มีเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดีและมีความคงทน โดยลูกน้อยก็ควรให้ความร่วมมือกับแม่ในการวัดตัวเพื่อการเลือกซื้อที่ตรงไซซ์ จะได้ไม่เกิดความไม่สบายตัวในภายหลัง
การสวมบราในการทำกิจกรรมที่ต่าง ๆ
ลูกน้อยสามารถสวมบราในการทำกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ โดยการสวมบราจะช่วยให้หน้าอกเกิดความกระชับ ช่วยปกปิดร่างกาย และช่วยรักษาสุขภาพของหน้าอก ดังนั้นเมื่อลูกน้อยของคุณแม่ถึงวัยที่เหมาะแก่การสวมใส่บรา ก็ถึงเวลาสมควรที่จะเริ่มต้นเลือกซื้อเฟิร์สบราสักตัว
บราตัวแรก เฟิร์สบรา (First Bra) ยอดนิยม จาก Sabina
ด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เข้าใจถึงสรีระของผู้หญิงทุกวัย ซาบีน่า จึงได้พัฒนา สินค้าชุดชั้นในเด็กสำหรับน้อง ๆ วัยคิดส์ ภายใต้ ชื่อรุ่น “SABINA KIDS” ที่ออกแบบครอบคลุมตั้งแต่เด็กผู้หญิง ตั้งแต่อายุ 6-14 ปี แบ่งเป็น 2 Steps ที่เหมาะกับสรีระที่เจริญเติบโตของวัยคิดส์ Step 1 : Starter เหมาะสำหรับเด็กผู้หญิงวัย 6-9 ปี และ Step 2 : Pre Teen เหมาะสำหรับเด็กผู้หญิงอายุ 10-14 ปี โดยออกแบบรูปทรงเฟิร์สบรา ชุดชั้นในเด็ก ตั้งแต่เสื้อกล้ามเด็ก เสื้อกล้ามครึ่งตัว เสื้อกล้ามมีฟองบังทรง บราสวมหัว บราตะขอหลัง รวมถึง กางเกงกันโป๊ และกางเกงใน
SABINA KIDS Step 1 : Starter สำหรับเด็กผู้หญิงวัย 6-9 ปี
SABINA KIDS Step 1 : Starter สำหรับเด็กผู้หญิงวัย 6-9 ปี
เสื้อกล้ามเด็ก เสื้อทับเด็กแบบไม่มีซับใน Step 1 : Starter สำหรับเด็กผู้หญิงวัย 6-9 ปี เหมาะกับเด็กที่ยังไม่มีเต้านม แต่เริ่มมีเนื้อนมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ลักษณะคล้ายกับลูกองุ่น เนื้อผ้าผลิตจากคอตตอน ยูเอสเอ (Cotton USA) เส้นใยธรรมชาติ ทำให้ได้สัมผัสนุ่มสบายและอ่อนโยนต่อผิว ระบายอากาศได้ดี
SABINA KIDS Step 2 : Pre Teen สำหรับเด็กผู้หญิงวัย 10-14 ปี
SABINA KIDS Step 2 : Pre Teen สำหรับเด็กผู้หญิงวัย 10-14 ปี
เสื้อชั้นในแบบสวมหัวไม่มีตะขอ แบบมีตะขอ และแบบมีโครงกับมีตะขอ Step 2 : Pre Teen สำหรับเด็กผู้หญิงวัย 10-14 ปี เหมาะกับเด็กที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาของเต้านม ที่ค่อย ๆ ขยายขึ้น มีเนื้อผ้าคัดสรรให้เหมาะกับสรีระที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วของเด็กวัยนี้ โดยมีทั้งเนื้อผ้าไมโครไฟเบอร์ (Micro Fabric) ที่ให้สัมผัสลื่น เนียนนุ่ม ยืดหยุ่น และน้ำหนักเบา มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว แถมเนื้อผ้าไม่ยับง่าย และเนื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ อย่างผ้าคอตตอน ที่ให้สัมผัสนุ่มสบายและอ่อนโยนต่อผิว ระบายอากาศได้ดี
กางเกงในเด็ก :
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับกางเกงในเด็ก
เนื้อผ้า หรือคุณภาพของวัตถุดิบ เป็นเรื่องที่สำคัญ กางเกงในเด็ก แม้จะเป็นการสวมใส่ที่อยู่ด้านใน แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ติดกับผิวโดยตรง การเลือกเนื้อผ้าที่มีคุณภาพ สวมใส่สบาย จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวของหนูน้อย ควรเลือกเนื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าคอตตอน เพราะเนื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ จะให้ ผิวสัมผัสที่ นุ่ม สบาย ไม่ระคายเคือง และช่วยระบายอากาศได้ดี เหมาะกับอากาศร้อน ในเมืองไทย นอกจากการเลือกเนื้อผ้าที่สวมใส่สบายแล้ว วิธีการเย็บตามตะเข็บก็เป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องสังเกตด้วยเช่นกัน โดยสามารถทดลองลูบสัมผัสบริเวณตะเข็บเอว รอบขา ว่าให้ผิวสัมผัสที่มีความนุ่ม ไม่เสียดสีผิว หากตะเข็บ และเส้นด้ายที่ใช้ในการเย็บมีความนุ่ม จะสามารถลดการระคายเคืองได้ เวลาสวมใส่ จะรู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด
วัสดุที่เหมาะสำหรับกางเกงในเด็ก
เนื้อผ้า หรือคุณภาพของวัตถุดิบ เป็นเรื่องที่สำคัญ กางเกงในเด็ก แม้จะเป็นการสวมใส่ที่อยู่ด้านใน แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ติดกับผิวโดยตรง การเลือกเนื้อผ้าที่มีคุณภาพ สวมใส่สบาย จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวของหนูน้อย ควรเลือกเนื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าคอตตอน เพราะเนื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ จะให้ ผิวสัมผัสที่ นุ่ม สบาย ไม่ระคายเคือง และช่วยระบายอากาศได้ดี เหมาะกับอากาศร้อน ในเมืองไทย นอกจากการเลือกเนื้อผ้าที่สวมใส่สบายแล้ว วิธีการเย็บตามตะเข็บก็เป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องสังเกตด้วยเช่นกัน โดยสามารถทดลองลูบสัมผัสบริเวณตะเข็บเอว รอบขา ว่าให้ผิวสัมผัสที่มีความนุ่ม ไม่เสียดสีผิว หากตะเข็บ และเส้นด้ายที่ใช้ในการเย็บมีความนุ่ม จะสามารถลดการระคายเคืองได้ เวลาสวมใส่ จะรู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด
การเลือกขนาดและรูปแบบของกางเกงในเด็ก
ก่อนการเลือกซื้อกางเกงในเด็ก คุณแม่ควรเช็คไซซ์ให้ลูกน้อยโดยการใช้สายวัด วัดรอบเอว และรอบสะโพก แบบหน่วยเซนติเมตร เพื่อให้ได้ไซซ์ที่ตรงตามสรีระพอดีกับรูปร่างของหนูน้อย โดยการวัดควรวัดกับเสื้อผ้าตัวนอกที่ผ้าบาง ไม่หนา เพราะหากผ้าตัวนอกหนา จะทำให้ตัวเลขที่วัด เทียบไซซ์แล้วไม่ตรงกับสรีระ และจะไม่พอดีเมื่อสวมใส่ เมื่อวัดรอบเอว รอบสะโพกเรียบร้อยแล้ว คุณแม่สามารถจดบันทึกไว้ และบอกกับพนักงานขาย เพื่อเทียบไซซ์กับกางเกงในเด็กได้เลย หรือหากไม่มีสายวัดที่บ้าน คุณแม่สามารถพาหนูน้อยไปวัดไซซ์ กับพนักงานขายได้เช่นกัน นอกจากการเลือกขนาดที่ตรงตามไซซ์แล้ว การเลือกรูปแบบของกางเกงในเด็ก ก็เป็นอีกสิ่งที่คุณแม่ควรพิจารณาร่วมด้วยเช่นกัน
รูปแบบกางเกงในเด็ก มีให้คุณแม่เลือกได้ดังนี้
- กางเกงในรูปทรงปกติทั่วไป : ถ้าพูดถึงรูปทรงกางเกงในหน้าตารูปแบบที่เราคุ้นเคย คือ รูปทรงที่เรียกว่า บิกินี่ ที่สวมใส่กันตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ กางเกงในรูปทรงบิกินี่ สำหรับเด็ก แพทเทิร์นบริเวณสะโพกจะคลุมพอดี เพื่อให้น้อง ๆ สวมใส่แล้วรู้สึกมั่นใจ มีความคล่องตัว และอีกหนึ่งรูปทรงสำหรับเด็ก ที่จะให้ความสบายที่เพิ่มมากขึ้น เรียกว่า “Baby Panty” หรือที่เราจะเห็นได้ว่า ลักษณะเหมือน ฟักทอง บริเวณสะโพกจะมีแพทเทิร์นที่คล้ายเนื้อผ้าพองตัวออกมา มีเนื้อผ้าเพิ่มมากขึ้นให้น้อง ๆ รู้สึกสบายตัวเมื่อสวมใส่
- กางเกงกันโป๊ ถือเป็นตัวช่วยพิเศษให้น้อง ๆหนู ๆ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจขึ้น เหมาะกับวันที่หนูน้อย มีซ้อมเต้น เล่นกีฬา หรือแม้กระทั่งในชีวิตประจำวันปกติ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้ลูกน้อย และคลายกังวลให้คุณแม่ได้อีกด้วย ซึ่งลักษณะของกางเกงกันโป๊ในปัจจุบัน จะมีการเย็บเป้าแบบเป้ากางเกงใน ที่สามารถใส่เป็นกางเกงในได้เลย
- กางเกงขาสั้นกันโป๊ 2 in 1 ที่รวมกางเกงขาสั้น กับ กางเกงชั้นใน เข้าด้วยกัน ด้วยยุคสมัยที่แฟชั่นเสื้อผ้ามีมากขึ้น พร้อม ๆ กับกิจกรรมของหนูน้อย ที่หลากหลายมากขึ้นใน 1 วัน ไอเทมพิเศษนี้ “กางเกงขาสั้นกันโป๊ 2 in 1 “ จึงเป็น อีกไอเทมพิเศษ ที่เป็นการควบรวม กางเกงใน และกางเกงกันโป๊ ในตัวเดียวกัน โดยการออกแบบแพทเทิร์นกางเกงใน ติดกับกางเกงกันโป๊ไว้ด้านใน เพื่ออำนวยความสะดวกให้น้อง ๆ สวมใส่ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ครบจบ 2 รูปแบบในหนึ่งตัว
วิธีดูแลและซักกางเกงในเด็ก :
เพื่อให้กางเกงในของหนูน้อยยังคงคุณสมบัติสัมผัสนุ่ม และขอบยาง เอว ตะเข็บต่าง ๆ ยังคงสภาพที่ดีตลอดการใช้งาน สวมใส่ได้นาน ๆ มีวิธีการดูแลที่ง่าย ๆ ดังนี้
- เริ่มต้นจากหากเป็นกางเกงในสีขาว ควรแยกซักจากผ้าสี เพื่อป้องกันชุดเสื้อผ้าสีสันสดใส ตกใส่ผ้าขาว
- ซักทำความสะอาดด้วยน้ำยาซักชุดชั้นใน หรือน้ำยาซักผ้าผสมกับน้ำสะอาดให้เจือจางความเข้มข้นของน้ำยาลง ขยี้เบา ๆ แล้วล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรซักด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- ตากในที่ร่ม มีลมโกรก หรือมีแดดอ่อน ๆ
- หลังจากผ้าแห้งแล้ว ควรรีบเก็บ ไม่ควรตากทิ้งไว้หลายวัน
- พับเก็บเรียงเป็นระเบียบ เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ครั้งต่อไป ขั้นตอนการดูแลเหล่านี้คุณแม่อาจเริ่มให้น้อง ๆ ทำไปทีละขั้นตอน ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกการดูแลสิ่งของที่ตัวเองใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
วิธีการแมทช์กางเกงในเด็กเข้ากับสไตล์การแต่งกายของลูกน้อย
ในวันที่มีกิจกรรมแอคทีฟ หรือใส่กระโปรง เด็ก ๆ สามารถเพิ่มความคล่องตัว และความมั่นใจ ด้วยกางเกงขาสั้นกันโป๊ 2 in 1 ที่รวมกางเกงขาสั้น กับ กางเกงชั้นใน เข้าด้วยกัน ถือเป็น function กางเกง ที่ควบรวมรูปแบบกางเกงใน และกางเกงขาสั้นกันโป๊ ครบจบใน 1 ตัว เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ทั้งหนูน้อย และคุณแม่ได้อย่างดี โดยชุดชั้นในที่อยากแนะนำ คือ กางเกงในเด็ก จาก Sabina มีความยืดหยุ่น ใส่สบาย ลวดลายน่ารัก
เสื้อในเด็ก
สอนการเลือกซื้อเสื้อในเด็กที่เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกาย
สำหรับลูกสาวตัวน้อยของคุณแม่ทุกคน เมื่อถึงวัยที่เข้าสู่การเจริญเติบโต จากวัยเด็กเตรียมตัวเข้าสู่วัยพรีทีน (Pre Teen) ก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้านสรีระร่างกาย อย่างการเปลี่ยนแปลงหน้าอก ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม ไอเทมที่สำคัญที่ต้องนึกถึง ก็คือ “เสื้อในเด็ก” น้อง ๆ หนู ๆ แต่ละคนก็จะเริ่มการเปลี่ยนแปลงหน้าอกที่ไม่เหมือนกัน บางคนบริเวณเนื้อหน้าอก หรือเต้าทรงอาจจะเปลี่ยนแปลงมีขึ้นมา อย่างเห็นได้ชัด แต่บางคนอาจจะไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากสักเท่าไหร่ ดังนั้นคุณแม่ สามารถเลือก เสื้อในเด็ก ให้เหมาะสมกับวัย และสรีระของน้อง ๆ ได้ โดยมีหลักการเลือกง่าย ๆ ดังนี้
-
- สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นมีหน้าอก อายุโดยเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงนี้ จะอยู่ที่อายุ 6-9 ปี สังเกตได้ว่า หน้าอกจะยังไม่ตั้งเต้า และไม่มีฐานเต้า มีเพียงหัวนมลักษณะคล้าย ลูกองุ่น หรือเริ่มมีเนื้อเต้านมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
- เสื้อในเด็ก ที่เลือกใส่ สามารถเป็นรูปทรง เสื้อกล้ามครึ่งตัวแบบไม่มีฟอง จนถึง เสื้อในเด็กรูปทรงแบบสวมหัวที่มีซับฟองใย เพื่อช่วยบังจุดทรง เพิ่มความมั่นใจเมื่อสวมใส่เสื้อตัวนอก
- สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น จะอยู่ช่วงอายุ 10-14 ปี เป็นช่วงที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาของเต้านม ที่ค่อย ๆ ขยายขนาดขึ้น มีฐานทรง และเนื้ออกเริ่มชัด ลักษณะคล้าย ลูกพีช
- เสื้อในที่สวมใส่ ต้องสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของหน้าอกที่มีการขยายขึ้น มีทั้งบราแบบสวมหัว และบราแบบตะขอหลัง โดยมีฟองโมลด์ หรือฟองแบบตัดต่อ ที่ช่วยบังทรง และกระชับทรง เนื้อผ้าของเสื้อใน ควรเป็นเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่น สวมใส่สบาย และช่วยกระชับทรงได้อย่างดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้น้อง ๆ
วิธีดูแลรักษาเสื้อในเด็กให้ใช้ได้นาน
เพื่อเป็นการถนอมและดูแลรักษาเสื้อในเด็ก ของหนูน้อย ให้ยังสภาพที่ดีตลอดการใช้งาน สวมใส่ได้นานๆ มีวิธีการดูแลที่ง่ายๆ ดังนี้
- เสื้อในเด็กส่วนใหญ่จะสีขาว ควรแยกซักจากผ้าสี เพื่อป้องกันชุดเสื้อผ้าสีสันสดใส ตกใส่ผ้าขาว
- ซักทำความสะอาดด้วยน้ำยาซักชุดชั้นใน หรือน้ำยาซักผ้าผสมกับน้ำสะอาดให้เจือจางความเข้มข้นของน้ำยาลง ขยี้เบา ๆ แล้วล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรซักด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- ตากในที่ร่ม มีลมโกรก หรือมีแดดอ่อน ๆ
- หลังจากผ้าแห้งแล้ว ควรรีบเก็บ ไม่ควรตากทิ้งไว้หลายวัน
- พับเก็บเรียงเป็นระเบียบ โดยจัดบริเวณผ้าเต้าทรงแต่ละตัว ให้ผ้าคลี่ออก ไม่เป็นรอยยับ เพื่อป้องกันบริเวณเต้าไม่ให้ผ้ายับและเกิดการทับกันจนเสียรูปทรง
คุณสมบัติที่ควรพิจารณาก่อนซื้อเสื้อในเด็ก
- เนื้อผ้าของ เสื้อในเด็ก ถือเป็นคุณสมบัติหลักที่คุณแม่ควรพิจารณาก่อนอันดับแรก ควรเลือกเนื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ เพื่อช่วยเรื่องการสวมใส่ที่สบาย และระบายอากาศ ระบายเหงื่อได้ดี นอกจากนี้ เนื้อผ้าที่มีคุณสมบัติปลอดสารเคมียังช่วยป้องกันผิวหนูน้อยเรื่องการระคายเคือง การแพ้ หรือการเกิดผดผื่นได้
- ตะเข็บ หรือการเย็บตามจุดต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ ตะเข็บ หรือการเย็บที่ใช้เส้นด้ายที่ให้สัมผัสนุ่ม จะช่วยลดการเสียดสี การเกิดอาการระคายเคืองคันต่อผิวหนังที่บอบบางของหนูน้อยได้อย่างดี
เสื้อในเด็กที่มีการออกแบบสวยงามและน่ารัก
บ่อยครั้งที่น้อง ๆ หนู ๆ ที่เพิ่งเริ่มใส่ เสื้อในเด็ก อาจรู้สึกไม่คุ้นชิน และรู้สึกยังไม่ค่อยเป็นมิตรกับการใส่ เสื้อในเด็กเท่าไหร่นัก การเลือก เสื้อในเด็ก ที่มีลายการ์ตูน หรือลวดลายดอกไม้ หรือลวดลายที่มีสีสันสดใส ก็สามารถเป็นอีกปัจจัยที่จะจูงใจเด็กน้อย ให้รู้สึกถึงความคุ้นชิน และรู้สึกสนุก เมื่อต้องหยิบ เสื้อในเด็ก ลายต่าง ๆ มาสวมใส่ในแต่ละวัน การให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้เลือกหยิบใส่ในแต่ละวันด้วยตัวเองนั้น ยังเป็นการฝึกการดูแลตัวเอง และยังสามารถเสริมจินตนาการ แถมยังได้ความสนุกอีกด้วย
แนวโน้มและสไตล์เสื้อในเด็กในปี 2023
แนวโน้มชุดชั้นในเด็กปี 2023เนื่องจากปัจจุบันมีปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเข้าวัยหนุ่มสาวก่อนวัย ได้แก่ ภาวะโภชนาการ เด็กอ้วนมักจะเป็นหนุ่มสาวเร็ว การได้รับสารหรืออาหารที่ปนเปื้อนฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็นโดยการรับประทาน หรือทางอื่น ทำให้ร่างกายเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย หมายถึง การที่เด็กหญิงเริ่มมีการพัฒนาของเต้านมก่อนอายุ 8 ปี หรือมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 9 ปี ดังนั้นจึงพบเด็กที่เข้าสู่ "วัยแรกรุ่น" เร็วขึ้น ชุดชั้นในเด็ก Sabina จึงตั้งใจออกแบบและคัดเลือกวัสดุที่ยืดหยุ่นที่สามารถรองรับสรีระที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วให้กับเด็กวัยนี้โดยเฉพาะ
เทรนด์ชุดชั้นในเด็กที่น่าจับตามองในปี 2023
- กุญแจสำคัญ คือ เนื้อผ้าที่เป็นมิตรต่อผิวที่บอบบางของเด็ก : เนื่องจากผิวเด็กเป็นผิวที่บอบบาง การเลือกใช้ผ้าปลอดสารเคมี ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่ได้รับการรับรอง อย่างผ้าที่มีสัญลักษณ์ “คอตตอน ยูเอสเอ” (COTTON USA™) เป็นสัญลักษณ์คุณภาพ ที่บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ผลิตจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนผสมของฝ้ายสหรัฐอเมริกาในสัดส่วนที่มากกว่าครึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิต ทำให้สวมใส่สบาย ไม่ระคายเคืองผิว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ชุดชั้นในที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมความแอกทีฟได้ทั้งวัน : ชุดชั้นในเป็นหนึ่งในตัวช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกมั่นใจในการเคลื่อนไหว ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ ความคล่องแคล่ว และทักษะให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างสมวัยได้อย่างมั่นใจ ชุดชั้นในจึงต้องผสมผสานความสบายและเทคโนโลยีในการระบายอากาศดี และน้ำหนักเบา นอกจากนั้น เนื่องจากเป็นวัยที่มีกิจกรรมหลากหลาย จึงมีความกังวลเกี่ยวกับเหงื่อและกลิ่นตัว ดังนั้น การที่ผ้าช่วยระบายอากาศได้ดีจะช่วยลดกลิ่นอับระหว่างวันได้ดี
- เสื้อชั้นในไร้ตะเข็บกำลังเป็นที่นิยม : ข้อดีของบราไร้ตะเข็บ นอกจากจะไม่มีตะเข็บให้กวนใจ หรือให้ระคายเคืองผิวคุณหนูแล้ว ยังให้ความสบายตลอดทั้งวันทำให้เสื้อในไร้ตะเข็บไม่ได้เป็นที่นิยมเฉพาะของเด็กแต่เป็นที่นิยมในทุก ๆ ช่วงอายุอีกด้วย
- เข้าถึงเทรนด์ Y2K: ในปี 2023 ถ้าไม่พูดถึงเทรนด์ของ Y2K ก็คงไม่ได้ ที่ได้รับความนิยมทั้งเด็กเล็กไปจนสาวใหญ่ จากการมีสีสันและลวดลายที่สนุกสนาน ทำให้ลายชุดชั้นในที่มีสีสันสดใสแบบ Y2K ได้รับความนิยมตามไปด้วย โดย Sabina kids มีการออกแบบทั้งแบบเรียบ ๆ ไม่มีลวดลาย สำหรับใส่ไปโรงเรียน และยังมีแบบที่เป็นลวดลายกราฟฟิก สีสันสนุกสนานให้เด็ก ๆ ได้เลือกลายที่ชอบได้อีกด้วย
ที่ Sabina มีขายเสื้อในเด็ก ทั้งแบบมีโครงและไม่มีโครง เสื้อชั้นในมีวอลลุ่มเต้า มีฟองน้ำในตัว ไม่สามารถถอดฟองออกได้ สวมใส่ง่าย ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี
เสื้อกล้ามเด็ก
ประเภทเสื้อกล้ามเด็กที่ควรมีสำหรับการออกกำลังกาย
กิจกรรมการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือแม้แต่การซ้อมเต้น การเลือกเสื้อกล้ามเด็กที่เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ถือเป็นอุปกรณ์ตัวช่วย ที่จะทำให้เด็ก ๆ สนุกกับกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ ไม่รู้สึกร้อน หรืออึดอัด เสื้อกล้ามเด็กที่ผลิตจากเนื้อผ้าเส้นใยธรรมชาติ จะช่วยเรื่องการระบายเหงื่อ หรือระบายอากาศได้อย่างดี หากเนื้อผ้าของเสื้อกล้ามทั่วไป ที่มีส่วนผสมของ ใยสังเคราะห์ (เช่น โพลีเอสเตอร์) เนื้อผ้าจะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก็จะทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวได้
วิธีดูแลเสื้อกล้ามเด็กเพื่อคงความทนทาน
วิธีการดูแลเสื้อกล้ามเด็กเพื่อคงความทนทาน สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่พับหรือแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า และป้องกันการอับชื้น แยกเป็นสัดส่วนของแต่ละประเภทให้ดี วางให้พ้นจากฝุ่น หรือไม่ควรนำชุดชั้นในไปตากแดดนานเกินไป เนื่องจากจะทำให้คุณสมบัติของผ้าถูกลดทอนลงไป
เลือกซื้อเสื้อกล้ามเด็กอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ด้วยสภาพอากาศเมืองไทย เป็นอากาศแบบร้อนชื้น แล้วด้วยนั้น เพื่อให้ลูกน้อย รู้สึกสบายตัว ยามสวมใส่ และป้องกันการระคายเคืองผิว ให้ลูกน้อยวัยใส มีสมาธิในการเรียน และ สนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ เพียงแค่คุณแม่ เช็คลิสต์การเลือก เสื้อกล้ามเด็ก ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้
-
- เนื้อผ้าคุณภาพดี สวมใส่สบาย : ควรเลือก เสื้อกล้ามเด็ก ที่ผลิตมาจากเนื้อผ้าเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือ ผ้า COTTON เพราะเนื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ จะให้คุณสมบัติ ในเรื่องของ ผิวสัมผัสที่นุ่ม อ่อนโยนต่อผิว ช่วยให้ไม่ระคายเคือง รวมถึง ช่วยในเรื่องของ การระบายอากาศได้ดี หากลูกน้อย ต้องทำกิจกรรม หรือมีเหงื่อออกระหว่างวัน เสื้อกล้ามเด็ก ที่ทำมาจากพวกผ้าฝ้าย หรือ เนื้อผ้า COTTON ก็จะช่วยระบายอากาศได้ดี และแห้งเร็วกว่า เสื้อกล้ามทั่วไป ที่ทำจากเนื้อผ้าที่เป็นประเภทกลุ่ม ใยสังเคราะห์ (เช่น โพลีเอสเตอร์) และด้วยคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี ก็จะทำให้ไม่เกิดความรู้สึกอึดอัด เมื่อต้องสวมใส่ในระหว่างวัน
- ตะเข็บการเย็บก็เป็นเรื่องสำคัญ : ตะเข็บเย็บตามจุดต่าง ๆ ของ เสื้อกล้ามเด็ก ไม่ว่าจะเป็น บริเวณลำตัว บ่า หรือ ชายเสื้อกล้าม ควรเป็นรอยเย็บ ที่เก็บด้ายอย่างเรียบร้อย ตามตะเข็บมีความยืดหยุ่นดี และไม่มีรอยขาดของเส้นด้าย ซึ่งจะช่วยเรื่องความคงทนในการสวมใส่ไปนาน ๆ รวมถึงความนุ่มของตะเข็บตามข้างลำตัว และบริเวณบ่า คุณแม่สามารถสังเกต โดยสัมผัสลูบที่ตะเข็บรอยเย็บต่าง ๆ แล้ว มีความนุ่มมือ หรือไม่ เพราะหากตะเข็บหรือรอยเย็บนั้น มีความแข็งกระด้าง อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวลูกน้อยได้เมื่อสวมใส่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเสียดสี จนเป็น ผื่นคันได้
- เลือกไซซ์ที่เหมาะสมกับสรีระลูกน้อย : การเลือก เสื้อกล้ามเด็ก ควรต้องเช็คไซซ์ลูกน้อยก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ได้ไซซ์ที่ถูกต้อง และสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ โดยเพียง ใช้สายวัด วัดรอบอก แบบหน่วยเป็นเซนติเมตร เพื่อสามารถเลือกไซซ์ได้ตรงกับลูกน้อยที่สุด ควรเลือกไซซ์ เสื้อกล้ามเด็ก แบบพอดี ไม่แน่น หรือฟิตตามลำตัว ควรให้มีพื้นที่ระหว่างเสื้อกล้ามและลำตัวเล็กน้อย สำหรับขยับตัว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันได้อย่างคล่องตัว ไม่อึดอัด และไม่ควรเลือกไซซ์เผื่อโต หรือใส่แล้วหลวมโคร่งจนเกินไป เพราะอาจทำให้ บ่าของเสื้อกล้าม หล่นระหว่างวัน และเกิดความไม่คล่องตัวแก่ลูกน้อยได้เช่นกัน
วิธีการซักและดูแลเสื้อกล้ามเด็กอย่างถูกต้อง
- เสื้อกล้ามเด็กส่วนใหญ่จะสีขาว ควรแยกซักจากผ้าสี เพื่อป้องกันชุดเสื้อผ้าสีสันสดใส ตกใส่ผ้าขาว
- ซักทำความสะอาดด้วยน้ำยาซักชุดชั้นใน หรือน้ำยาซักผ้าผสมกับน้ำสะอาดให้เจือจางความเข้มข้นของน้ำยาลง ขยี้เบา ๆ แล้วล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรซักด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- ตากในที่ร่ม มีลมโกรก หรือมีแดดอ่อน ๆ
- หลังจากผ้าแห้งแล้ว ควรรีบเก็บ ไม่ควรตากทิ้งไว้หลายวัน
- พับเก็บเรียงเป็นระเบียบ เพื่อสะดวกในการหยิบสวมใส่ในครั้งถัดไป
วิธีสวมใส่เสื้อกล้ามเด็กให้ถูกต้องตามแต่ละกิจกรรม
คุณแมที่กำลังมีลูกที่อยู่ในช่วงวัยตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไป หรือวัยที่ลูก ๆเริ่มเข้าสู่ชั้นประถม เมื่อลูก ๆ เริ่มไปโรงเรียนซึ่งเป็นวัยที่เด็กผู้หญิงร่างกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เช่น หน้าอกเริ่มมีรูปทรงที่ชัดขึ้น เริ่มมีขนาดขยายใหญ่ สะโพกผายขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคนว่าโตเร็วมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นการเริ่มให้ลูกน้อย หัดใส่ชุดชั้นใน เพื่อเป็นตัวช่วยให้เด็กเคลื่อนไหว เรียนรู้ในระยะยาว เพราะเสื้อในจะช่วยส่งเสริมความมั่นใจ จากการช่วยรองรับสรีระที่เปลี่ยนไปของเด็กหญิง ทำให้การเคลื่อนไหวในแต่ละวันเป็นไปอย่างมั่นใจ
เสื้อในเด็กก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบทรงเสื้อในแบบมีตะขอ หรือเสื้อในทรงสวมหัว ไม่มีตะขอ หรือเสื้อกล้ามทรงเต็มตัว และทรงครึ่งตัว และเสื้อในยังมีแบบมีทั้งแบบที่มีโครงและไม่มีโครงอีกด้วย ดังนั้น ในการเลือกซื้อบราที่เหมาะกับลูกน้อย คุณแม่ควรสำรวจสรีระของลูกด้วย เนื่องจากขนาดตัวของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน และพัฒนาการของหน้าอกของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน เพื่อให้เลือกซื้อเสื้อในได้เลือกขนาดที่พอดีตัว ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป และเลือกรูปทรงเสื้อในที่เหมาะกับสรีระของเด็กวัยนั้น ๆ
แต่เสื้อในที่ยอดฮิตที่เด็ก ๆ ทุกคนต้องมีติดบ้าน คือ เสื้อกล้าม หรือ เสื้อทับ ไอเทมที่ต้องใส่ไปโรงเรียน แต่จะใส่ยังไงให้เหมาะกับแต่ละโรงเรียน โดยการเลือกเสื้อกล้ามเด็กเพื่อใช้ไปโรงเรียนสามารถทำได้โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ตรวจสอบกฎการแต่งกายของโรงเรียน - ก่อนที่จะเลือกเสื้อกล้ามเด็ก คุณควรตรวจสอบกฎการแต่งกายของโรงเรียนก่อน ซึ่งอาจจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับสี หรือลายของเสื้อกล้ามเด็ก ทำให้คุณสามารถเลือกเสื้อกล้ามเด็กที่เหมาะสมกับกฎการแต่งกายของโรงเรียนได้
- เลือกสีที่เหมาะสมกับกฏของโรงเรียน - เสื้อกล้ามเด็กมักมีให้เลือกหลายสี ควรเลือกสีที่เหมาะสมกับบุคลิกภาพของลูกน้อย และสีที่เหมาะสมกับกฎการแต่งกายของโรงเรียน
- เลือกไซส์ที่พอดี - เสื้อกล้ามเด็กมีไซส์ต่าง ๆ อย่างมาตรฐาน คุณแม่ควรจะวัดขนาดลูกน้อยและเลือกไซส์ที่พอดี เพื่อให้เสื้อกล้ามเด็กที่เลือกใส่ไปโรงเรียนอยู่ในสภาพที่สบายและไม่รู้สึกแน่นหรือหลวมเกินไป
- เลือกวัสดุที่นุ่ม - การเลือกเสื้อกล้ามเด็กที่ทำจากวัสดุที่นุ่มสบาย จะทำให้ลูกรู้สึกสบายและไม่มีอาการคันหรือผิวหนังแพ้ง่าย
- เลือกเสื้อในที่สวมใส่สบาย - เลือกเสื้อที่ทำจากวัสดุที่นุ่มสบายและให้ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าคอตตอน ซึ่งจะช่วยลดความร้อนและช่วยระบายความชื้น
และเสื้อกล้ามที่เราอยากแนะนำก็คือ เสื้อกล้ามเด็ก เสื้อชั้นในเด็ก แบบสวมหัวไม่มีตะขอ สำหรับเด็กอายุ 6-9 ปี ผ้าผลิตจาก COTTON เส้นใยธรรมชาติ ระบายอากาศได้ดี ไม่ระคายเคืองผิว
เสื้อทับ
วิธีเลือกซื้อเสื้อทับที่เหมาะกับหนูน้อย
-
- เนื้อผ้าคุณภาพดี สวมใส่สบาย : ควรเลือก เสื้อทับ ที่ผลิตมาจากเนื้อผ้าเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือ ผ้า COTTON เพราะเนื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ จะให้คุณสมบัติ ในเรื่องของ ผิวสัมผัสที่นุ่ม อ่อนโยนต่อผิว ช่วยให้ไม่ระคายเคือง รวมถึง ช่วยในเรื่องของ การระบายอากาศได้ดี หากลูกน้อย ต้องทำกิจกรรม หรือมีเหงื่อออกระหว่างวัน
- ตะเข็บการเย็บก็เป็นเรื่องสำคัญ : ตะเข็บเย็บตามจุดต่าง ๆ ของ เสื้อทับ ไม่ว่าจะเป็น บริเวณลำตัว หรือ บ่า ควรเป็นรอยเย็บ ที่เก็บด้ายอย่างเรียบร้อย ตามตะเข็บมีความยืดหยุ่นดี และไม่มีรอยขาดของเส้นด้าย ซึ่งจะช่วยเรื่องความคงทนในการสวมใส่ไปนาน ๆ รวมถึงความนุ่มของตะเข็บตามข้างลำตัว และบริเวณบ่า คุณแม่สามารถสังเกต โดยสัมผัสลูบที่ตะเข็บรอยเย็บต่าง ๆ แล้ว มีความนุ่มมือ หรือไม่ เพราะหากตะเข็บหรือรอยเย็บนั้น มีความแข็งกระด้าง อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวลูกน้อยได้เมื่อสวมใส่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเสียดสี จนเป็น ผื่นคันได้
- เลือกไซซ์ที่เหมาะสมกับสรีระลูกน้อย : การเลือก เสื้อทับ ควรต้องเช็คไซซ์ลูกน้อยก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ได้ไซซ์ที่ถูกต้อง และสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ โดยเพียง ใช้สายวัด วัดรอบอก แบบหน่วยเป็นเซนติเมตร เพื่อสามารถเลือกไซซ์ได้ตรงกับลูกน้อยที่สุด ควรเลือกไซซ์ เสื้อทับ แบบพอดี ไม่แน่น หรือฟิตตามลำตัว ควรให้มีพื้นที่ระหว่างเสื้อกล้ามและลำตัวเล็กน้อย สำหรับขยับตัว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันได้อย่างคล่องตัว ไม่อึดอัด
ข้อดีของเสื้อทับ
เสื้อทับ อีกไอเทม ที่จะช่วยทำหน้าที่บังเสื้อชั้นในได้อย่างดี ในวันที่ เสื้อตัวนอกอาจเป็นเสื้อเนื้อผ้าบางเบาหรือเป็นสีขาว การใส่เสื้อทับจะช่วยให้รู้สึกถึงความมั่นใจ และปลอดภัยหมดกังวลเรื่องของการเกิดรอย หรือเห็นเสื้อชั้นในที่ใส่อยู่ด้านใน ให้การแต่งกายในวันนั้นมีความปลอดภัยมิดชิด และยังช่วยเรื่องความคล่องตัวได้อีกด้วย
เทรนด์เสื้อทับล่าสุด
เสื้อทับที่ใส่อาจจะอยู่เป็นกึ่ง ๆ เสื้อตัวนอก หรือเสื้อที่ใส่อยู่ด้านในไม่มีใครมองเห็น แต่จริง ๆ แล้วนั้น เพื่อไม่ให้หนูน้อยรู้สึกเบื่อกับการใส่เสื้อทับที่ดูเหมือนเรียบ ๆ ไม่มีอะไร คุณแม่สามารถเลือกเสื้อทับที่อาจจะมีลวดลายที่บริเวณอก หรือมีสีสันบริเวณด้านหลัง อาจจะเป็นลายปัก หรือลวดลายสกรีนน่ารัก ๆ ตัวการ์ตูนที่เด็ก ๆ ชอบ อาจจะเห็นเป็นลายเบา ๆ น่ารัก ๆ ผ่านเสื้อด้านนอก เพื่อให้การสวมใส่เสื้อทับ มีความสนุก มีสีสันยิ่งขึ้น
วิธีดูแลเสื้อทับให้ใช้งานได้นาน
การดูแลเสื้อทับให้ใช้งานได้นาน ๆ นั้น มีทริคง่าย ๆ เบื้องต้นจะเหมือนวิธีการดูแลเสื้อผ้าทั่วไป คือ การแยกสีขาว และสีสดเข้ม ออกจากกันในการซัก และใช้น้ำยาซักผ้า ในการทำความสะอาด สำหรับเสื้อทับที่เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่น ไม่ควรบิดแรง ๆ เพราะอาจทำให้ รูปทรงของเสื้อทับเสียได้ ควรบีบเบา ๆ พอให้ผ้าหมาด ๆ และตากแบบใส่ไม้แขวน หรือตากกับราวตากผ้า โดยจับให้เสื้อทับอยู่ทรงเรียบร้อย เพื่อป้องกันการเสียทรงของเสื้อทับ และเมื่อแห้งแล้วก็พับเก็บโดยจัดให้ตะเข็บเสื้ออยู่ในแนวเดียวกัน สามารถพับวางเรียงทับกันได้
เสื้อทับแบบไหนที่เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ
การเลือกเสื้อกล้ามเด็ก หรือ เสื้อทับ จะต้องเน้นความสบายและเหมาะสมกับสถานการณ์และกิจกรรมที่เด็กจะทำ เพื่อให้เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้โดยสะดวกและคล่องตัว โดยจะขอแนะนำเสื้อกล้ามเด็กที่เหมาะสมกับสถานการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- สำหรับการไปโรงเรียน : เสื้อทับเด็กสำหรับไปโรงเรียนควรเลือกเสื้อไม่มีลวดลาย มีสีขาวล้วน หรือตกแต่งที่ไม่เน้นมาก ๆ เช่น เสื้อโปโลหรือเสื้อยืดพื้น ๆ โดยสีของเสื้อควรเป็นสีที่ไม่สดใสมาก เช่น สีเทา น้ำเงิน และน้ำตาล ซึ่งจะเหมาะสมกับบรรยากาศของโรงเรียน
- สำหรับการเล่น : เสื้อทับสำหรับเด็กที่ใช้ในเล่นกิจกรรม ควรเลือกเสื้อที่มีการตัดเย็บที่เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวของเด็ก และผ้าที่อาจจะมีการดูดเหงื่อได้ง่าย ระบายอากาศดี
- สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง : เสื้อทับที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งควรเป็นเสื้อที่ทำจากวัสดุผ้าที่บางเบาและหายใจได้ดี
- สำหรับกิจกรรมภายในบ้าน : เสื้อทับที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมภายในบ้านควรเป็นเสื้อที่ทำจากวัสดุผ้าที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง เช่น ผ้าฝ้าย และมีความสวยงามเรียบง่าย
ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ตามด้านบนนั้น เราขอแนะนำเสื้อทับ ที่ตอบโจทย์ในทุกกิจกรรม และเสริมสร้างให้เกิดความมั่นใจ เนื้อผ้าคอตตอน มีคุณสมบัติซึมซับและระบายอากาศได้ดี เหมาะสำหรับ ๆ น้อง ๆ ที่ก้าวเข้าสู่วัยเจริญเติบโตมากที่สุด สำหรับเสื้อทับของ Sabina
เสื้อซับในเด็ก
วิธีเลือกเสื้อซับในเด็กที่เหมาะสมกับอายุและขนาดต่าง ๆ
เสื้อซับในเด็ก นั้น ปัจจุบันมีตั้งแต่ เป็นรูปทรงเดียวกับเสื้อกล้าม ที่มีทั้งแบบ ครึ่งตัว และเต็มตัว สำหรับน้อง ๆ เด็กเล็กที่เริ่มใส่ เสื้อซับใน อาจเลือกรูปแบบ เสื้อกล้ามครึ่งตัวที่ยังไม่มีฟองซับด้านใน หรือสำหรับน้อง ๆ ในช่วงอายุที่ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีหน้าอกขึ้นบ้างเล็กน้อย การเลือก เสื้อซับใน แบบที่มีบราสวมหัวในตัวด้านใน ก็จะช่วยให้น้อง ๆ มีความมั่นใจยิ่งขึ้น แถมยังเป็นการค่อย ๆ ฝึกความคุ้นเคยในการเริ่มต้นใส่ เสื้อในเด็ก ด้วยเช่นกัน
สไตล์และแนวโน้มการสวมใส่เสื้อซับในเด็กในปัจจุบัน
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทั้งเทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าต่าง ๆ ที่มีรูปแบบ หรือเทรนด์ใหม่ ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เสื้อซับในเด็ก ก็มีสไตส์ และเทรนด์ที่ออกใหม่มาเช่นกัน โดยทั่วไปเราอาจจะเห็น เสื้อกล้าม เสื้อทับ หรือเสื้อซับใน มีลักษณะที่เหมือนกัน แต่ในปัจจุบัน เสื้อซับในเด็ก ไม่ได้สวมใส่เพื่อความมั่นใจ เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังอำนวยความสะดวกให้เด็ก ๆ และคุณแม่อีกด้วย ด้วยเทรนด์ 2in1 ที่รวมสองสิ่งครบจบใน 1 ตัว เสื้อซับในเด็ก นอกจากจะมีรูปแบบที่เป็นเหมือนเสื้อกล้ามเด็กปกติทั่วไปแล้วนั้น ยังมีเสื้อซับใน ในรูปแบบที่มีบราแบบสวมหัว เย็บติดด้านในของเสื้อซับในไว้ เพื่อให้น้อง ๆ หยิบสวมใส่เพียงแค่ตัวเดียว แต่ได้ครบทั้งบราสวมหัวด้านใน และเสื้อซับใน ในตัวเดียวกัน แถมยังอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการซักทำความสะอาด ที่รวบจบในครั้งเดียวได้เลย
คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลและซักล้างเสื้อซับในเด็กให้ใช้งานได้นาน
สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลและซักทำความสะอาดเสื้อซับในเด็กให้ใช้งานได้งาน สามารถดูได้จากป้ายเสื้อจากผู้ผลิต เพราะเสื้อซับในเด็ก จะมีคุณสมบัติของเนื้อผ้าบางประการที่จำเป็นต้องซักล้างโดยใช้วิธีที่แตกต่างกัน หรือแม้กระทั่งเรื่องของน้ำยาทำความสะอาดก็ควรเลือกที่เหมาะสมกับผิว โดยการเลือกสูตรอ่อนโยนต่อผิว เพื่อป้องกันการแพ้ในภายหลัง
แนะนำเสื้อซับในเด็กสำหรับการใช้งานประจำวัน
สำหรับการเลือกซื้อเสื้อซับในเด็กสำหรับการใช้ในทุก ๆ วัน ก็นับเป็นอีกก้าวสำคัญของลูกที่จะต้องได้รับความใส่ใจและแนะนำแนวทางจากคุณแม่ สิ่งที่ควรพิจารณาเลือกคือความสบายเมื่อสวมใส่และความทนทานในการใช้งาน เนื่องจากเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ จึงต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายค่อนข้างมาก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเตรียมเสื้อซับในเด็ก สำหรับการใช้งานประจำวัน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการการเติบโตของเด็กให้ไม่ติดขัด โดยมีวิธีเลือกง่าย ๆ ดังนี้
- เลือกเสื้อซับในเด็กที่ทำจากวัสดุที่เป็นผ้าออร์แกนิคหรือเนื้อผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้เสื้อมีความคงทนและยืดหยุ่นได้ดี ทำให้เด็กได้เคลื่อนไหวอย่างคล่องตัว
- เลือกเสื้อซับในเด็กที่มีพอดีกับสรีระของเด็กแต่ละคน เพื่อให้เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และอาจจะเลือกเสื้อที่เป็นทรงเสื้อกล้าม หรือ แขนกุด เพื่อให้รู้สึกสบายไม่อึดอัด
- เลือกเสื้อที่มีลายหรือดอกไม้หรือภาพการ์ตูนที่เด็กชื่นชอบ เพื่อให้เสื้อเป็นสิ่งที่เด็กสามารถรักษาได้ และมีความสนใจในการใช้งาน
- สุดท้าย อย่าลืมเลือกเสื้อซับในที่มีคุณภาพ คุ้มค่า ทั้งเรื่องของราคาที่จ่ายไปกับการใช้งานที่ไม่ทำให้ผิวลูกน้อยระคายเคือง
ที่ Sabina มีเสื้อซับในเด็ก เสื้อบังทรงตัวยาว รูปทรงสวมหัว เนื้อผ้าคอตตอน spandex ผ้ามีความยืดหยุ่น สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่มีซับ เป็นไอเทมที่คุณแม่ส่วนใหญ่เลือกให้ลูกน้อย
สรุป
เพราะเราเชื่อว่าคุณแม่ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยของตัวเอง ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกซื้อสินค้า เฟิร์สบรา หรือ ชุดชั้นในเด็ก SABINA KIDS ได้ ทางช่องทาง Sabina Online ได้แก่ www.sabina.co.th , Line@ : @SabinaThailand , Facebook :SabinaThailand และ Sabina Shop ทุกสาขา
อ้างอิงจาก
https://www.erudit.org/en/journals/ethno/2007-v29-n1-2-ethno2401/018746ar/